
รถสตาร์ทไม่ติด ถือเป็นปัญหายอดฮิตสำหรับผู้ใช้รถยนต์ เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ แม้กระทั่งรถใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งจะถอยออกมาก็ตาม หากไม่ได้รับการตรวจสอบดูแลที่ดีพอ
วันนี้จะกล่าวถึงวิธีสังเกตุเพื่อหาสาเหตุของรถยนต์สตาร์ทไม่ติดแต่ละอาการ และวิธีการแก้ไขเฉพาะหน้ากันครับ
บิดกุญแจแล้วมีเสียงดังแชะๆเป็นจังหวะขณะที่บิดกุญแจ หรืออาจไม่ดังเลย ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่า แบตเตอรี่มีปัญหา ให้ลองกดแตรดูว่ามีเสียงดังปกติหรือไม่ หากแตรมีเสียงเบากว่าปกติ นั่นอาจเป็นเพราะแบตเตอรี่อ่อน จนเกือบหมด ทำให้ไปหมุนไดสตารท์ไม่ไหว ทำได้แค่กระตุ้นโซลินอยด์เบาๆ แต่หมุนไม่ไหวจึงมีเสียงแชะๆ
สาเหตุดังกล่าวอาจเกิดจาก
1. แบตเตอรี่เสื่อม เนื่องจากแบตเตอรี่โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานราว 2 ปี ต้องทำการเปลี่ยนลูกใหม่
2.ไดชาร์จเสื่อม เนื่องจากถึงอายุการใช้งานของมันเอง ทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟไปยังแบตเตอรี่ได้ ซึ่งหากเป็นที่ไดชาร์จจริง จะมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ขึ้นโชว์ที่หน้าปัทม์รถขณะขับขี่ (โดยปกติเมื่อบิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง on ไฟสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่จะสว่างขึ้นและดับลงเมื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว) แต่หากไฟสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ไม่ดับลง กรณีนี้อาจต้องนำช่างมาลากรถไปยังศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนไดชาร์จลูกใหม่ หรือนำแบตเตอรี่สำรองมาใส่แทนไปก่อน แล้วจึงนำรถไปยังอู่หรือศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมดอีกครั้ง
บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนอืดๆ แต่ไม่ยอมทำงาน ถ้าคุณได้ยินเสียงไดสตาร์ท และการหมุนของเครื่องยนต์ แต่เป็นการหมุนช้าๆ หรืออืด ๆ อาการนี้ มักจะมีปัญหามาจาก แบตเตอรี่อ่อน เนื่องจากเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทิ้งไว้ เช่น ไฟหน้า, ไฟในรถ และอื่นๆ ซึ่งทำให้กินประจุไฟฟ้าตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสามารถแก้ไขเฉพาะหน้าได้ด้วยวิธีพ่วงสตาร์ท (ในรถเกียร์อัตโนมัติ) หรือ เข็นสตาร์ท (ในรถเกียร์ธรรมดา) โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และเมื่อสตารท์ติดแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่องทันที ให้ขับรถไปบนถนนสักพัก เพื่อให้แบตเตอรี่ได้รับการชาร์จไฟ จนมีประจุเพียงพอในการสตาร์ทครั้งต่อไป
บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนเร็วด้วยไดสตาร์ท แต่เครื่องไม่ติด อาการลักษณะนี้หลายท่านอาจเข้าใจผิดว่าแบตเตอรี่เสีย หรือไดสตาร์ทเสีย เตรียมหาแบตเตอรี่มาพ่วงทั้งที่ความจริงแล้วแบตเตอรี่ และไดสตาร์ทเป็นปกติ เพราะเมื่อบิดกุญแจแล้วเครื่องยนต์หมุนได้เร็วด้วยไดสตาร์ท แต่เครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานหรือติดได้เอง เมื่อปล่อยการบิดกุญแจเครื่องยนต์ก็หยุดหมุนปัญหาอยู่ที่ตัวเครื่องยนต์ เพราะแบตเตอรี่และไดสตาร์ทปกติดี แนะนำให้ตรวจสอบที่ตัวเครื่องยนต์ เช่น มีไฟเลี้ยงระบบหรือไม่ ปั๊มส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทำงานดีหรือเปล่า โดยต้องตรวจสอบระบบต่างๆ ฯลฯ อาการลักษณะนี้ยากที่จะแก้ไขด้วยตนเองได้ แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้ชำนาญการทำการตรวจสอบจะดีที่สุดครับ
ซึ่งอาการรถสตาร์ทไม่ติดทั้งหมดดังกล่าวข้างต้น สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในเบื้องต้นด้วยเครื่องจั๊มสตาร์ทรถยนต์อเนกประสงค์ VIPOW ได้ง่ายๆ
แต่หากว่าลองบิดกุญแจสตาร์ทแล้วไม่มีเสียงใดๆเลย แต่อุปกรณ์ไฟฟ้ายังคงทำงานได้ปกติ (วิทยุดัง, ไฟหน้าติด, แตรดัง และอื่นๆ) อาจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ไดสตาร์ทเสีย ให้ลองหาท่อนไม้มาเคาะไดสตาร์ต (ต้องระมัดระวังอย่าให้โดนอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย) ถ้าสตาร์ตติดแสดงว่าไดสตาร์ทสกปรก แต่หลังจากนั้นก็ต้องถอดไปทำความสะอาดด้วย แต่ถ้าเคาะแล้วยังไม่ทำงานก็ต้องถอดออกไปซ่อม หรือหากไม่ทราบว่าไดสตาร์ทอยู่ตรงไหนของเครื่องยนต์ อาจจำเป็นต้องเรียกช่างเพื่อมาแก้ไขให้ต่อไป
ในกรณีนี้หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา สามารถใช้วิธีเข็นสตาร์ตเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่หากเป็นรถเกียร์ออโต้จะไม่สามารถเข็นสตาร์ทได้จำเป็นต้องใช้รถยกหรือรถสไลด์ จากนั้นจึงนำรถเข้าไปยังศูนย์บริการหรืออู่ต่อไป
ที่กล่าวมาเบื้องต้นเป็นเพียงสาเหตุของการสตาร์ทไม่ติดที่พบได้ทั่วไปเท่านั้น ยังมีสาเหตุจากองค์ประกอบอื่นๆอีกมากมายที่อาจเป็นสาเหตุของการสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด ท้ายนี้หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะพอเข้าใจอาการเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ขอให้ผู้อ่านทุกท่านโชคดีร่ำรวยทุกท่านครับ
ไลน์ไอดี : v-powers
ร้าน V-Powers
ผ่านการลงทะเบียนร้านค้ากับ
บริษัท แอลเอ็นดับเบิ้ลยูช็อป จำกัด
เชื่อถือได้ 100%